5 ปัจจัยในการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า พร้อมยอดขายบนโลกออนไลน์ด้วย Engagement Marketing

12/05/2020
12/05/2020
12/May/2020 12:00 PM

5 ปัจจัยในการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า พร้อมยอดขายบนโลกออนไลน์ด้วย Engagement Marketing

ในการทำการตลาดนั้น การเพิ่มจำนวนฐานลูกค้าเพื่อสร้างรายได้เป็นสิ่งสำคัญ แต่จะดีกว่าไหม ถ้าแบรนด์ให้ความสำคัญกับการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวเพื่อให้เกิดการซื้อซ้ำ และเปลี่ยนจากลูกค้าธรรมดาให้มาเป็นลูกค้าที่ภักดีต่อแบรนด์ ซึ่งทำให้ลูกค้าเกิดความประทับใจ และสร้างประโยชน์ให้กับแบรนด์ได้มากขึ้น

ตัวอย่างการสร้าง engagement marketing (Facebook Poll)

Alo Yoga มีสตูดิโอและคลาสออนไลน์เพื่อ Engagement

Stasher แจกถุงซิลิโคนรักโลกเพื่อสร้าง engagement

ที่มา singlegrain.com


ตัวอย่าง Experiential Marketing

ที่มา unsplash.com


ตัวอย่างการสร้าง Poll บน Instagram Story


ตัวอย่างแบรนด์ที่มีจริยธรรมหรือแบรนด์รักษ์โลก


ปุ่ม dash button ของ amazon ที่สร้างความสะดวกให้ลูกค้าก


ตัวอย่างสถิติของ Brand Experienceก

ที่มา singlegrain.com

  • งานวิจัยได้เปิดเผยว่า การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้า ทำให้ลูกค้าเกิดการซื้อซ้ำ และซื้อบ่อยขึ้นถึง 74 % อีกทั้งกลุ่มลูกค้าเหล่านี้ยังสามารถบอกต่อให้คนใกล้ตัวบริโภคสินค้าและบริการที่ตนเองสนับสนุนอีกด้วย
  • การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างลูกค้าและแบรนด์ สามารสร้าง Engagement Marketing ด้วยวิธีบอกต่อแบบปากต่อปาก (Word of Mouth) ได้ถึง 50-80%
  • นักการตลาดจะใช้งบประมาณ ในการใช้กลยุทธ์ Engagement Marketing ถึง 50% เนื่องจากผู้บริหารฝ่ายการตลาดเชื่อว่ากลยุทธิ์นี้สามารถสร้าง ลูกค้าที่มีความจงรักภักดีต่อแบรนด์ได้ 59%
  • การสร้างประสบการณ์ให้แก่ลูกค้า สามารถสร้าง Engagaement เพื่อให้ลูกค้าสนับสนุนและบริโภคสินค้าได้ถึง 90%,
  • 4 เครื่องมือการสร้างEngagement Marketing

    ธุรกิจและนักการตลาดสามารถสร้าง Engagement ต่อแบรนด์ได้โดยใช้วิธีการดังต่อไป

    Blog posts:

    ตัวอย่างการสร้างบล็อกบทความ

    ผู้ประกอบการหรือนักการตลาดสามารถเขียน Blog หรือแบ่งปันบทความดีๆไปสู่ผู้อ่านเพื่อเพิ่ม Engagement ระหว่างแบรนด์และลูกค้า เช่น การแบรนด์เครื่องสำอางค์ แชร์บทความ How to เกี่ยวกับการแต่งหน้า หรือการแบ่งปันประสบการณ์ต่างๆผ่านผู้บริโภคสินค้าตัวจริง

    Social media:

    การใช้ Social Media เพื่อ Engagement Marketing

    โซเชียลมีเดียยอดนิยมอย่าง Facebook, Instagram, LinkedIn และ Twitter เป็นช่องทางที่สำคัญในการสร้าง Engagement Marketing เนื่องจากแบรนด์สามารถสื่อสาร หรือใช้พื้นที่โซเชียลมีเดีย เพื่อติดต่อไปยังกลุ่มเป้าหมายได้โดยตรง

    Email Campaigns:

    แบรนด์สามารถใช้วิธีการส่ง Email ในการนำเสนอสิ่งที่น่าสนใจ เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าเกิดความรู้สึกอยากซื้อสินค้าออนไลน์ และลูกค้าสามารถส่งต่อ Email ไปยังผู้อื่นได้ เพื่อบอกต่อหรือแนะนำสินค้าหรือบริการที่ตนชอบ

    Crowd sourcing:

    การใช้สื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ ในการร่วมแชร์ความคิดเห็น

    ที่มา unsplash.com

    นักการตลาดสามารถใช้สื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ ในการร่วมแชร์ความคิดเห็น ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้สามารถมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมที่แบรนด์สร้างขึ้น เช่นการประกวด การแบ่งปันข้อมูล หรือร่วมแสดงความเห็นผ่านสื่อออนไลน์

    ตัวอย่างเครื่องมือออนไลน์ที่แบรนด์สามารถใช้เพื่อพัฒนา Engagement Marketingให้ดีขึ้น

  • Sprout Social
  • WebEngage
  • Hello Bar
  • HubSpot CRM
  • Salesforce CRM
  • 5 ข้อผิดพลาด 3 ประการ จากการใช้ Engagement Marketing ที่แบรนด์ต้องระวัง

    สิ่งสำคัญที่นักการตลาดควรตระหนักถึงคือ

  • การสร้างความไว้วางใจ
  • การสื่อสารที่ชัดเจน
  • การกำหนดมูลค่าของสินค้า
  • การมุ้งเน้นสร้างความสัมพันธ์ที่ดี
  • การวางกลยุทธ์ในระยะยาว
  • นอกจากนี้ สิ่งสำคัญที่นักการตลาดต้องตระหนักถึงเมื่อวางกลยุทธ์ มีดังต่อไปนี้

    1. การใช้กลยุทธ์สร้างประสบการณ์ให้ลูกค้า ไม่สามารถสื่อถึงความเป็นตัวตนของลูกค้าได้ทุกคน

    ประสบการณ์ต่างๆที่แบรนด์สามารถมอบให้แก่ลูกค้า อาจมีหลายประเภทเช่น การทำ Workshop, การส่งอีเมลนำเสนอโปรโมชั่น การทำ One-On-One Event การนำเสนอสินค้าหรือบริการ

    ยกตัวอย่างเช่น แบรนด์ Barre Studio ทราบดีว่าลูกค้าของตัวเองเป็นกลุ่มคนรักสุขภาพ ชอบทานอาหารจำพวกผักใบเขียว ดังนั้นทางแบรนด์ด์จึงใช้สตูดิโอเพื่อสอนการทำอาหารอาหารเพื่อสุขภาพขึ้น

    Barre Studio สอนการทำอาหารอาหารเพื่อสุขภาพขึ้น

    ที่มา singlegrain.com

    ในกรณีนี้ทั้งแบรนด์และลูกค้าต่างได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย เนื่องจากกิจกรรมที่จัดขึ้นสามารถดึงดูดกลุ่มเป้าหมายของบริษัท ทำให้กลุ่มคนเหล่านี้ เกิดทัศนคติที่ดีต่อแบรนด์และกลายมาเป็นลูกค้า ส่วนกลุ่มฐานลูกค้าของแบรนด์ก็เพิ่มประสบการณ์ที่ดีที่อยากจะสนับสนุนแบรนด์ต่อไป 

    อย่างไรก็ตาม กลุ่มลูกค้าบางกลุ่ม อาจมีความชอบหรือเป้าหมายต่างกันกับแคมเปญนี้ก็ได้ เช่นบางคนสนใจการรับประทานอาหารประเภทการพิ่มกล้ามเนื้อ อย่างคาร์โบไฮเดรต หรือโปรตีน 

    ซึ่งทางยิมอาจมุ่งเน้นการนำเสนอลูกค้าในการสร้างกล้ามเนื้อ และไม่ได้อยากเน้นอาหารประเภทผักใบเขียว หรืออาหารแคลเลอรี่ต่ำ และดังนั้นการที่แบรนด์ใช้วิธีสร้างประสบการณ์ ไม่ได้หมายความว่าลูกค้าจะต้องมีตัวตนอย่างที่แบรนด์ตั้งไว้ 

    2. คุณไม่ได้คิดนอกกรอบ  

    https://www.youtube.com/watch?v=mjG_xi5cJfM&feature=emb_title

    การนำเสนอในเชิงสร้างสรรค์ สามารถสร้างผลลัพธ์ในเชิงบวกได้อย่างมหาศาล ยกตัวอย่างเช่น BarkShop ร้านขายของเล่นสัตว์เลี้ยงที่คุณสามารถนำสุนัขของคุณได้เลือก และลองเล่นของเล่นได้ด้วยตัวเอง นอกจากสุนัขของคุณจะสนุกไปกับการได้เล่นของเล่นที่หลากหลาย ทางแบรนด์ได้ติดแทร็ค RFID เมื่อเวลาที่สุนัขคาบ หรือเล่นของเล่นชิ้นใดชิ้นหนึ่ง RFID จะสามาระบุชิ้นของเล่นที่สุนัขชอบที่สุดได้อีกด้วย 

    3. คุณลืมนึกถึงการสร้างความผูกพันธ์ทางด้านอารมณ์ 


    Toms สามารถสร้างอารมณและความรู้สึกผ่านแคมเปญ

    ที่มา adido-digital.co.uk

    การสร้างข้อความหรือแคปชั่นเพื่อกระตุ้นความรู้สึกให้โดนใจ เป็นเรื่องสำคัญมากในการสร้าง Engagement ตัวอย่างแบรนด์ที่สามารถสร้างอารมณและความรู้สึกผ่านแคมเปญได้ดี คือ TOMS  

    ซึ่ง TOMS จะบริจาครองเท้าให้แก่เด็กด้อยโอกาส 1 คู่เมื่อมีลูกค้าซื้อรองเท้าจากทางแบรนด์ไป 1 คู่ ทำให้กลุ่มคนที่เห็นแคมเปญรู้สึกชื่นชมในตัวแบรนด์และอยากสนับสนุนในการซื้อรองเท้า ยิ่งไปกว่านั้น  TOMS ยังจัดเตรียม Headsets  ให้แก่ลูกค้า เพื่อนำเสนอประสบการณ์แก่การให้ที่มีความหมาย   

    สรุป 

    การสร้างความรู้สึกและประสบการณ์ที่ดีต่อลูกค้า ทำให้เกิดการบอกต่อ การซื้อซ้ำ และการแนะนำแบรนด์ให้แก่คนใกล้ตัว นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มลูกค้าได้ในระยะยาว  

    สิ่งที่สำคัญคือคุณอย่าลืมใส่ใจความรู้สึก และขอความคิดเห็นจากลูกค้าเพื่อนำมาปรับปรุง เพื่อพัฒนาคุณภาพและต่อยอดแบรนด์ได้ในอนาคต  

    บทความจาก : https://www.singlegrain.com/marketing-strategy/engagement-marketing/