Make vs n8n vs Zapier: เลือกเครื่องมือ Automation ไหนดีที่สุด?
Make vs n8n vs Zapier: เลือกเครื่องมือ Automation ไหนดีที่สุด?
Make vs n8n vs Zapier: เลือกเครื่องมือ Automation ไหนดีที่สุด?
ในยุคที่ธุรกิจต้องการความรวดเร็วและประสิทธิภาพสูงสุด การเลือกใช้เครื่องมือ Automation ที่เหมาะสมกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่จะกำหนดความสำเร็จของธุรกิจ หากคุณกำลังมองหาโซลูชันสำหรับ workflow automation และสนใจเปรียบเทียบระหว่าง Make vs n8n vs Zapier บทความนี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ
เจ้าของธุรกิจ นักการตลาด และผู้ประกอบการหลายคนยังคิดว่าการทำงานด้วยมือเป็นเรื่องปกติ แต่ความจริงแล้วการใช้เครื่องมือ Automation ที่เหมาะสมสามารถช่วยลดเวลาการทำงานซ้ำซ้อนได้มากกว่า 70% และเพิ่มผลผลิตขึ้นอย่างน่าทึ่ง วันนี้เราจะมาเจาะลึกถึง 3 เครื่องมือยอดนิยมที่จะเปลี่ยนการทำงานของคุณไปตลอดกาล
ทำไมธุรกิจยุคใหม่ต้องใช้ Automation Tool?
Workflow Automation คืออะไร?
Workflow automation คือการใช้เทคโนโลยีในการทำให้งานต่างๆ ในองค์กรดำเนินไปโดยอัตโนมัติตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ โดยไม่ต้องพึ่งการแทรกแซงจากมนุษย์ในทุกขั้นตอน
การทำงานแบบเดิมที่เราคุ้นเคย:
- รับอีเมลจากลูกค้า → อ่านและประเมิน → ส่งต่อให้แผนกที่เกี่ยวข้อง → ติดตามความคืบหน้า → แจ้งผลกลับลูกค้า
การทำงานด้วย Workflow Automation:
- ระบบอ่านอีเมลอัตโนมัติ → จัดประเภทตามเนื้อหา → ส่งไปยังแผนกที่เหมาะสม → แจ้งเตือนความคืบหน้า → ส่งการอัปเดตให้ลูกค้าเอง
ประโยชน์ของ Business Automation Tools
1. ลดงานซ้ำซ้อนอย่างมีนัยสำคัญ
- ประหยัดเวลา 3-5 ชั่วโมงต่อวันสำหรับงานประจำ
- ลดความเหนื่อยล้าจากงานที่น่าเบื่อ
- ให้พนักงานโฟกัสกับงานที่สร้างมูลค่าจริงๆ
2. ประหยัดเวลาและเพิ่ม Productivity
- ทำงานที่เคยใช้เวลา 8 ชั่วโมงให้เสร็จใน 30 นาที
- ประมวลผลข้อมูลได้รวดเร็วกว่ามนุษย์หลายเท่า
- ทำงานได้ 24/7 ไม่ต้องหยุดพัก
3. ลดข้อผิดพลาดจาก Human Error
- ความแม่นยำสูงกว่า 99% ในการป้อนข้อมูล
- ไม่มีการลืมขั้นตอนสำคัญ
- การทำงานสม่ำเสมอทุกครั้ง
4. เพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า
- การตอบสนองที่รวดเร็วและสม่ำเสมอ
- ลดเวลารอคอยจากลูกค้า
- บริการที่มีคุณภาพเท่าเทียมกันตลอดเวลา
5. ประหยัดต้นทุนระยะยาว
- ลดความจำเป็นในการจ้างพนักงานเพิ่ม
- ลดค่าใช้จ่ายจากข้อผิดพลาด
- เพิ่มรายได้จากการใช้เวลาอย่างมีประสิทธิภาพ
สถิติที่น่าสนใจเกี่ยวกับ Automation
- 76% ของธุรกิจที่ใช้ automation รายงานว่ามี ROI ภายใน 1 ปี
- เฉลี่ย 43% ของงานสำนักงานสามารถทำให้เป็นอัตโนมัติได้
- 65% ของพนักงานมีความสุขมากขึ้นเมื่อไม่ต้องทำงานซ้ำซ้อน
- ธุรกิจที่ใช้ automation มีการเติบโตเร็วกว่า 30% เมื่อเทียบกับคู่แข่ง
สำหรับใครที่ต้องการยกระดับศักยภาพทีม และแบรนด์ของคุณไปอีกขั้น!
ที่ STEPS Academy เรามีทั้ง Corporate Training & In-house Programs เพื่ออบรมทีมดิจิทัล, พร้อม Agentic-AI Solutions ที่จะช่วยให้คุณทำการตลาดได้สะดวก และรวดเร็วกว่าเดิม
สามารถติดต่อขอรับคำปรึกษาฟรี และค้นหาหลักสูตร/โซลูชันที่เหมาะที่สุดกับธุรกิจของคุณ กับทางทีมงาน STEPS Academy ได้เลย! หรือ สามารถแอดไลน์มาได้ที่ Line OA : @stepstraining
แนะนำ 3 เครื่องมือ Automation ยอดนิยม

Make (เดิมชื่อ Integromat)
Make Automation เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่กำลังได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในตลาด Automation Tools โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจขนาดกลางที่ต้องการความยืดหยุ่นทั้งในด้านฟีเจอร์และราคา
จุดเด่นของ Make:
1. User Interface แบบ Visual ใช้งานง่าย
- Drag & Drop Interface: สร้าง workflow ด้วยการลากและวางโหนดต่างๆ
- Visual Flow Chart: มองเห็นกระบวนการทำงานแบบกราฟิกชัดเจน
- Real-time Preview: ดูผลลัพธ์ได้ทันทีขณะสร้าง workflow
- Template Library: มีเทมเพลตสำเร็จรูปมากมายให้เลือกใช้
2. Integration หลากหลายและครอบคลุม
- เชื่อมต่อได้กับแอพกว่า 1,400+ แอพพลิเคชัน
- รองรับ REST API, GraphQL และ webhooks
- เชื่อมต่อกับระบบในบ้านเราได้ดี เช่น Line, Shopee, Lazada
- อัปเดตการเชื่อมต่อใหม่สม่ำเสมอ
3. ราคายืดหยุ่นเหมาะกับ SME
- Free Plan: 1,000 operations/เดือน เหมาะสำหรับทดลองใช้
- Core Plan: $9/เดือน สำหรับ 10,000 operations
- Pro Plan: $16/เดือน สำหรับ 40,000 operations
- Teams Plan: $29/เดือน สำหรับทีมงาน
4. Advanced Features ที่โดดเด่น
- Error Handling: จัดการข้อผิดพลาดได้อย่างซับซ้อน
- Data Transformation: แปลงข้อมูลรูปแบบต่างๆ ได้อย่างยืดหยุ่น
- Conditional Logic: สร้างเงื่อนไขที่ซับซ้อนได้
- Scheduling: กำหนดเวลาทำงานได้แม่นยำ
จุดด้อยของ Make:
1. ไม่ใช่ Open Source
- ไม่สามารถ customize code ภายในได้
- ต้องพึ่งพาการอัปเดตจาก Make เท่านั้น
- ข้อมูลอยู่บน Cloud ของ Make
2. ต้นทุนสูงขึ้นเมื่อ Scale มาก
- ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นตามจำนวน operations
- สำหรับธุรกิจขนาดใหญ่อาจแพงกว่าทางเลือกอื่น
- ไม่มีแผน Unlimited operations
3. Learning Curve สำหรับ Workflow ซับซ้อน
- การสร้าง workflow ที่มีหลายขั้นตอนต้องใช้เวลาเรียนรู้
- การ debug เมื่อมีปัญหาอาจใช้เวลานาน
เหมาะกับใคร:
- SME ที่อยากเริ่มต้น Automation ได้เร็วโดยไม่ต้องจ้าง Developer
- ธุรกิจที่ต้องเชื่อมต่อหลายแพลตฟอร์ม พร้อมกัน
- ทีมงานที่มีคนไม่เก่ง coding แต่อยากสร้าง workflow ซับซ้อน
n8n (Open Source Automation)
n8n เป็นเครื่องมือ Workflow Automation แบบ Open Source ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มนักพัฒนาและองค์กรที่ให้ความสำคัญกับการควบคุมข้อมูลและความปลอดภัย
จุดเด่นของ n8n:
1. Open Source และ Self-hosted ได้
- Source Code เปิด: สามารถ modify และ customize ได้ตามต้องการ
- Self-hosted Option: ติดตั้งบนเซิร์ฟเวอร์ของตัวเองได้
- Data Privacy: ข้อมูลอยู่ใน control ของเราเต็มที่
- No Vendor Lock-in: ไม่ต้องผูกติดกับผู้ให้บริการรายใดรายหนึ่ง
2. Customization สูงที่สุด
- Custom Nodes: สร้างโหนดทำงานเองได้
- Code Integration: ใส่ JavaScript code เข้าไปใน workflow ได้
- API Flexibility: เชื่อมต่อกับ API อะไรก็ได้ที่มีอยู่
- Advanced Logic: สร้างเงื่อนไขที่ซับซ้อนมากได้
3. Community และ Ecosystem ที่แข็งแกร่ง
- Active Community: มีนักพัฒนาช่วยกันพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
- Custom Node Library: มี custom nodes จาก community เยอะมาก
- Documentation: มีเอกสารและตัวอย่างครบถ้วน
- Regular Updates: อัปเดตฟีเจอร์ใหม่สม่ำเสมอ
4. Cost-effective สำหรับการใช้งานมาก
- Free Self-hosted: ใช้ฟรี 100% หากติดตั้งเอง
- Cloud Starter: €20/เดือน สำหรับ workflow พื้นฐาน
- Cloud Pro: €50/เดือน สำหรับทีมงาน
- ไม่จำกัด Operations: ไม่ต้องห่วงเรื่องค่าใช้จ่ายตาม usage
จุดด้อยของ n8n:
1. ต้องมีทีม Developer ดูแล
- Technical Complexity: ต้องมีความรู้ด้าน IT ในการติดตั้งและดูแล
- Server Management: ต้องจัดการเซิร์ฟเวอร์, backup, และ security เอง
- Troubleshooting: แก้ไขปัญหาต้องอาศัยความรู้ technical
2. Learning Curve สูงสำหรับมือใหม่
- Interface ซับซ้อน: UI ไม่ user-friendly เท่ากับเครื่องมือเชิงพาณิชย์
- Setup Time: ใช้เวลานานในการติดตั้งและ configure
- Training Required: ทีมงานต้องใช้เวลาเรียนรู้
3. Support และ SLA จำกัด
- Community Support: พึ่งพา community เป็นหลัก
- No Official SLA: ไม่มีการรับประกันระดับบริการ
- Limited Ready-made Templates: เทมเพลตสำเร็จรูปน้อยกว่าคู่แข่ง
เหมาะกับใคร:
- Startup และ Tech Companies ที่มีทีม Developer
- องค์กรที่ให้ความสำคัญกับ Data Security สูง
- ธุรกิจที่ต้องการ Custom Automation ที่ซับซ้อนมาก
- บริษัทที่ต้องการควบคุมต้นทุน ในระยะยาว
Zapier
Zapier เป็นเครื่องมือ Automation ที่เก่าแก่ที่สุดและมี Integration มากที่สุดในตลาด เป็นตัวเลือกอันดับ 1 สำหรับผู้ที่ต้องการความง่ายในการใช้งานและต้องการเริ่มต้นได้ทันที
จุดเด่นของ Zapier:
1. ใช้งานง่ายที่สุด
- Simple Interface: UI ที่เรียบง่ายและเข้าใจได้ทันที
- Step-by-step Wizard: มี wizard ช่วยสร้าง automation ทีละขั้น
- Pre-built Templates: เทมเพลตสำเร็จรูปมากกว่า 100,000 แบบ
- No-code Approach: ไม่ต้องเขียน code เลย
2. Integrations เยอะที่สุดในตลาด
- 7,000+ Apps: เชื่อมต่อได้มากที่สุดเมื่อเทียบกับคู่แข่ง
- Popular Thai Apps: รองรับแอพไทยได้ดี เช่น Line, SCB Easy, Kbank
- Instant Integration: มีการอัปเดต integration ใหม่อย่างต่อเนื่อง
- Enterprise Apps: รองรับระบบองค์กรใหญ่ครบถ้วน
3. Community และ Learning Resources ใหญ่
- Zapier University: มีคอร์สเรียนฟรีครบถ้วน
- Community Forum: community ใหญ่ที่สุดช่วยแก้ปัญหา
- Blog และ Case Studies: เนื้อหาการเรียนรู้เยอะมาก
- Expert Marketplace: หาผู้เชี่ยวชาญช่วยสร้าง automation ได้
4. Reliability และ Support ดีเยี่ยม
- 99.9% Uptime: เสถียรภาพสูงมาก
- 24/7 Support: มีทีมช่วยเหลือตลอดเวลา
- Enterprise Features: มีฟีเจอร์สำหรับองค์กรใหญ่
- Security Standards: มาตรฐานความปลอดภัยสูง
จุดด้อยของ Zapier:
1. ราคาสูงที่สุดในกลุ่ม
- Free Plan: จำกัดแค่ 100 tasks/เดือน
- Starter Plan: $19.99/เดือน สำหรับ 750 tasks
- Professional Plan: $49/เดือน สำหรับ 2,000 tasks
- Team Plan: $69/เดือน สำหรับ 50,000 tasks
2. จำกัด Workflow ที่ซับซ้อน
- Linear Workflow: ทำงานแบบเส้นตรง A→B→C เท่านั้น
- Limited Branching: สร้าง workflow ที่แยกสาขาได้จำกัด
- Basic Logic: เงื่อนไขที่ใช้ได้ค่อนข้างพื้นฐาน
- No Visual Editor: ไม่มี drag-and-drop interface
3. ข้อจำกัดด้านการ Customize
- Black Box: ไม่สามารถแก้ไข logic ภายในได้
- API Limitations: บาง API ใช้งานได้แค่ฟีเจอร์พื้นฐาน
- Data Transformation: ความสามารถในการแปลงข้อมูลจำกัด
เหมาะกับใคร:
- Freelancers และ Solo Entrepreneurs ที่ต้องการใช้เร็ว
- SME ที่ไม่มีทีม IT แต่อยากได้ automation
- ธุรกิจที่ใช้แอพยอดนิยม เป็นหลัก
- คนที่อยากเริ่มต้น Automation โดยไม่ต้องเรียนรู้มาก
สำหรับใครที่ต้องการยกระดับศักยภาพทีม และแบรนด์ของคุณไปอีกขั้น!
ที่ STEPS Academy เรามีทั้ง Corporate Training & In-house Programs เพื่ออบรมทีมดิจิทัล, พร้อม Agentic-AI Solutions ที่จะช่วยให้คุณทำการตลาดได้สะดวก และรวดเร็วกว่าเดิม
สามารถติดต่อขอรับคำปรึกษาฟรี และค้นหาหลักสูตร/โซลูชันที่เหมาะที่สุดกับธุรกิจของคุณ กับทางทีมงาน STEPS Academy ได้เลย! หรือ สามารถแอดไลน์มาได้ที่ Line OA : @stepstraining
ตารางเปรียบเทียบ Make vs n8n vs Zapier
การประเมินตามความต้องการเฉพาะ
สำหรับ SME ที่อยากได้ Automation ใช้ง่าย ราคายืดหยุ่น > Make เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
- ราคาเริ่มต้นไม่แพงมาก
- UI ใช้งานง่ายกว่า n8n
- มี integration ครอบคลุมกว่า n8n
- ไม่ต้องจัดการเซิร์ฟเวอร์เอง
สำหรับ Startup/องค์กร ที่อยาก Self-host และ Customize > n8n เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
- ต้นทุนต่ำสุดในระยะยาว (ฟรีหาก self-host)
- ความยืดหยุ่นสูงสุดในการ customize
- ความปลอดภัยข้อมูลสูงสุด
- เหมาะกับทีมที่มี developer
สำหรับ Freelancers/SME ที่อยากใช้เร็วๆ ไม่ต้อง Dev > Zapier เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
- เริ่มใช้ได้ทันทีใน 30 นาที
- Integration มากที่สุด
- Support ดีที่สุด
- เหมาะกับคนที่ไม่อยากยุ่งกับเทคนิค
ธุรกิจแบบไหนควรเลือกเครื่องมือไหน?
ถ้าเน้น ความง่าย + เริ่มเร็ว → เลือก Zapier
เหมาะกับธุรกิจประเภท:
- E-commerce รายย่อย: ร้านขายของออนไลน์ที่ต้องการเชื่อมต่อ Shopee, Lazada กับ Google Sheets
- Freelancers: นักเขียน, นักออกแบบ ที่ต้องการ automate งานเอกสารและการติดตาม clients
- Service Providers: สำนักงานบัญชี, ทนายความ ที่ต้องการจัดการลูกค้าและเอกสาร
- Consultants: ที่ต้องการ automation พื้นฐานสำหรับ CRM และ reporting
กรณีการใช้งานที่เหมาะสม:
- เชื่อมต่อ Gmail กับ Google Calendar เพื่อสร้างนัดหมายอัตโนมัติ
- ส่งข้อมูลจาก Contact Form เข้า CRM อัตโนมัติ
- สร้างรายงานยอดขายจาก Shopee/Lazada เข้า Google Sheets
- แจ้งเตือนผ่าน Line เมื่อมีออเดอร์ใหม่
ข้อควรพิจารณา:
- งบประมาณควรมีอย่างน้อย $20/เดือน สำหรับการใช้งานจริง
- เหมาะกับ workflow ที่ไม่ซับซ้อนมาก
- ดีสำหรับการเริ่มต้นเรียนรู้ automation
ถ้าเน้น คุ้มค่า + มี Dev บ้าง → เลือก Make
เหมาะกับธุรกิจประเภท:
- SME ที่กำลังเติบโต: บริษัทขนาดกลางที่มี operations ซับซ้อนขึ้น
- Digital Marketing Agencies: ที่ต้องจัดการหลาย clients และหลายแพลตฟอร์ม
- SaaS Startups: ที่ต้องการเชื่อมต่อระบบต่างๆ แต่ยังไม่พร้อมสำหรับ custom development
- Manufacturing SMEs: โรงงานขนาดกลางที่ต้องการ automate inventory และ production planning
กรณีการใช้งานที่เหมาะสม:
- สร้าง workflow ซับซ้อนที่มี conditional logic หลายขั้น
- เชื่อมต่อระหว่าง CRM, Email Marketing, และ Social Media หลายช่องทาง
- จัดการ inventory โดยเชื่อมต่อ POS, warehouse system, และ accounting software
- สร้างรายงานที่ต้อง aggregate ข้อมูลจากหลายแหล่ง
ข้อควรพิจารณา:
- ควรมีคนในทีมที่เข้าใจ logic และ data mapping
- เหมาะกับธุรกิจที่มี operations 10,000+ transactions/เดือน
- ต้องการเวลา 1-2 สัปดาห์ในการเรียนรู้และ setup
ถ้าเน้น Customize + Security → เลือก n8n
เหมาะกับธุรกิจประเภท:
- Tech Startups: บริษัทเทคโนโลยีที่มีทีม developer และต้องการควบคุมทุกอย่าง
- Financial Services: บริษัทที่จัดการข้อมูลการเงิน ต้องการความปลอดภัยสูง
- Healthcare Organizations: สถานพยาบาล, คลินิก ที่ต้องปกป้องข้อมูลผู้ป่วย
- Government Agencies: หน่วยงานราชการที่ไม่สามารถใช้ cloud service ภายนอกได้
กรณีการใช้งานที่เหมาะสม:
- สร้าง custom API integrations ที่ซับซ้อน
- จัดการข้อมูลที่ sensitive โดยไม่ส่งออกนอก organization
- Automate complex business logic ที่ต้องเขียน custom code
- รวมระบบ legacy ที่ไม่มี standard API
ข้อควรพิจารณา:
- ต้องมีทีม Developer ที่เข้าใจ JavaScript และ system administration
- ต้องจัดการ infrastructure เอง (server, backup, security)
- ใช้เวลาในการ setup นานกว่าเครื่องมืออื่น (2-4 สัปดาห์)
- เหมาะกับองค์กรที่มีงบประมาณ IT และต้องการประหยัดต้นทุนระยะยาว
บทสรุป: แล้วคุณควรเลือกเครื่องมือไหน?
การเลือกเครื่องมือ Automation ไม่มีคำตอบที่ตายตัว “ดีที่สุด” สำหรับทุกธุรกิจ เพราะขึ้นอยู่กับ เป้าหมาย งบประมาณ ทรัพยากรบุคคล และระดับความซับซ้อนของงาน ที่องค์กรของคุณต้องการ ดังนั้นควรถามตัวเองก่อนว่า:
- คุณต้องการเริ่มเร็วและไม่อยากยุ่งกับเทคนิค? → Zapier คือคำตอบ
- คุณต้องการความคุ้มค่าในราคากลางและฟีเจอร์ครบครัน? → Make คือทางเลือกที่ลงตัว
- คุณต้องการควบคุม ปรับแต่ง และเน้นความปลอดภัยขั้นสูง? → n8n คือเครื่องมือที่เหมาะที่สุด
สุดท้ายแล้ว เครื่องมือ Automation ไม่ใช่แค่ “เทคโนโลยี” แต่คือ “ตัวเร่งการเติบโต” ที่ช่วยให้ธุรกิจของคุณทำงานได้อย่างชาญฉลาดและแข่งขันได้ในยุคที่ความเร็วคือทุกสิ่ง
อย่ารอให้คู่แข่งแซงหน้า – เริ่มต้นทดลองใช้ Automation วันนี้ แล้วคุณจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนภายในไม่กี่สัปดาห์
สำหรับใครที่ต้องการยกระดับศักยภาพทีม และแบรนด์ของคุณไปอีกขั้น!
ที่ STEPS Academy เรามีทั้ง Corporate Training & In-house Programs เพื่ออบรมทีมดิจิทัล, พร้อม Agentic-AI Solutions ที่จะช่วยให้คุณทำการตลาดได้สะดวก และรวดเร็วกว่าเดิม
สามารถติดต่อขอรับคำปรึกษาฟรี และค้นหาหลักสูตร/โซลูชันที่เหมาะที่สุดกับธุรกิจของคุณ กับทางทีมงาน STEPS Academy ได้เลย! หรือ สามารถแอดไลน์มาได้ที่ Line OA : @stepstraining