Make vs n8n vs Zapier: เลือกเครื่องมือ Automation ไหนดีที่สุด?

09/09/2025
09/09/2025
09/Sep/2025 12:00 PM

Make vs n8n vs Zapier: เลือกเครื่องมือ Automation ไหนดีที่สุด?

Make vs n8n vs Zapier: เลือกเครื่องมือ Automation ไหนดีที่สุด?

Make vs n8n vs Zapier: เลือกเครื่องมือ Automation ไหนดีที่สุด?

ในยุคที่ธุรกิจต้องการความรวดเร็วและประสิทธิภาพสูงสุด การเลือกใช้เครื่องมือ Automation ที่เหมาะสมกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่จะกำหนดความสำเร็จของธุรกิจ หากคุณกำลังมองหาโซลูชันสำหรับ workflow automation และสนใจเปรียบเทียบระหว่าง Make vs n8n vs Zapier บทความนี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ

เจ้าของธุรกิจ นักการตลาด และผู้ประกอบการหลายคนยังคิดว่าการทำงานด้วยมือเป็นเรื่องปกติ แต่ความจริงแล้วการใช้เครื่องมือ Automation ที่เหมาะสมสามารถช่วยลดเวลาการทำงานซ้ำซ้อนได้มากกว่า 70% และเพิ่มผลผลิตขึ้นอย่างน่าทึ่ง วันนี้เราจะมาเจาะลึกถึง 3 เครื่องมือยอดนิยมที่จะเปลี่ยนการทำงานของคุณไปตลอดกาล

ทำไมธุรกิจยุคใหม่ต้องใช้ Automation Tool?

Workflow Automation คืออะไร?

Workflow automation คือการใช้เทคโนโลยีในการทำให้งานต่างๆ ในองค์กรดำเนินไปโดยอัตโนมัติตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ โดยไม่ต้องพึ่งการแทรกแซงจากมนุษย์ในทุกขั้นตอน

การทำงานแบบเดิมที่เราคุ้นเคย:

  • รับอีเมลจากลูกค้า → อ่านและประเมิน → ส่งต่อให้แผนกที่เกี่ยวข้อง → ติดตามความคืบหน้า → แจ้งผลกลับลูกค้า

การทำงานด้วย Workflow Automation:

  • ระบบอ่านอีเมลอัตโนมัติ → จัดประเภทตามเนื้อหา → ส่งไปยังแผนกที่เหมาะสม → แจ้งเตือนความคืบหน้า → ส่งการอัปเดตให้ลูกค้าเอง

ประโยชน์ของ Business Automation Tools

1. ลดงานซ้ำซ้อนอย่างมีนัยสำคัญ

  • ประหยัดเวลา 3-5 ชั่วโมงต่อวันสำหรับงานประจำ
  • ลดความเหนื่อยล้าจากงานที่น่าเบื่อ
  • ให้พนักงานโฟกัสกับงานที่สร้างมูลค่าจริงๆ

2. ประหยัดเวลาและเพิ่ม Productivity

  • ทำงานที่เคยใช้เวลา 8 ชั่วโมงให้เสร็จใน 30 นาที
  • ประมวลผลข้อมูลได้รวดเร็วกว่ามนุษย์หลายเท่า
  • ทำงานได้ 24/7 ไม่ต้องหยุดพัก

3. ลดข้อผิดพลาดจาก Human Error

  • ความแม่นยำสูงกว่า 99% ในการป้อนข้อมูล
  • ไม่มีการลืมขั้นตอนสำคัญ
  • การทำงานสม่ำเสมอทุกครั้ง

4. เพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า

  • การตอบสนองที่รวดเร็วและสม่ำเสมอ
  • ลดเวลารอคอยจากลูกค้า
  • บริการที่มีคุณภาพเท่าเทียมกันตลอดเวลา

5. ประหยัดต้นทุนระยะยาว

  • ลดความจำเป็นในการจ้างพนักงานเพิ่ม
  • ลดค่าใช้จ่ายจากข้อผิดพลาด
  • เพิ่มรายได้จากการใช้เวลาอย่างมีประสิทธิภาพ

สถิติที่น่าสนใจเกี่ยวกับ Automation

  • 76% ของธุรกิจที่ใช้ automation รายงานว่ามี ROI ภายใน 1 ปี
  • เฉลี่ย 43% ของงานสำนักงานสามารถทำให้เป็นอัตโนมัติได้
  • 65% ของพนักงานมีความสุขมากขึ้นเมื่อไม่ต้องทำงานซ้ำซ้อน
  • ธุรกิจที่ใช้ automation มีการเติบโตเร็วกว่า 30% เมื่อเทียบกับคู่แข่ง



  • สำหรับใครที่ต้องการยกระดับศักยภาพทีม และแบรนด์ของคุณไปอีกขั้น! 

    ที่ STEPS Academy เรามีทั้ง Corporate Training & In-house Programs เพื่ออบรมทีมดิจิทัล, พร้อม Agentic-AI Solutions ที่จะช่วยให้คุณทำการตลาดได้สะดวก และรวดเร็วกว่าเดิม 

    สามารถติดต่อขอรับคำปรึกษาฟรี และค้นหาหลักสูตร/โซลูชันที่เหมาะที่สุดกับธุรกิจของคุณ กับทางทีมงาน STEPS Academy ได้เลย! หรือ สามารถแอดไลน์มาได้ที่ Line OA : @stepstraining




แนะนำ 3 เครื่องมือ Automation ยอดนิยม


Make (เดิมชื่อ Integromat)

Make Automation เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่กำลังได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในตลาด Automation Tools โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจขนาดกลางที่ต้องการความยืดหยุ่นทั้งในด้านฟีเจอร์และราคา

จุดเด่นของ Make:

1. User Interface แบบ Visual ใช้งานง่าย

  • Drag & Drop Interface: สร้าง workflow ด้วยการลากและวางโหนดต่างๆ
  • Visual Flow Chart: มองเห็นกระบวนการทำงานแบบกราฟิกชัดเจน
  • Real-time Preview: ดูผลลัพธ์ได้ทันทีขณะสร้าง workflow
  • Template Library: มีเทมเพลตสำเร็จรูปมากมายให้เลือกใช้

2. Integration หลากหลายและครอบคลุม

  • เชื่อมต่อได้กับแอพกว่า 1,400+ แอพพลิเคชัน
  • รองรับ REST API, GraphQL และ webhooks
  • เชื่อมต่อกับระบบในบ้านเราได้ดี เช่น Line, Shopee, Lazada
  • อัปเดตการเชื่อมต่อใหม่สม่ำเสมอ

3. ราคายืดหยุ่นเหมาะกับ SME

  • Free Plan: 1,000 operations/เดือน เหมาะสำหรับทดลองใช้
  • Core Plan: $9/เดือน สำหรับ 10,000 operations
  • Pro Plan: $16/เดือน สำหรับ 40,000 operations
  • Teams Plan: $29/เดือน สำหรับทีมงาน

4. Advanced Features ที่โดดเด่น

  • Error Handling: จัดการข้อผิดพลาดได้อย่างซับซ้อน
  • Data Transformation: แปลงข้อมูลรูปแบบต่างๆ ได้อย่างยืดหยุ่น
  • Conditional Logic: สร้างเงื่อนไขที่ซับซ้อนได้
  • Scheduling: กำหนดเวลาทำงานได้แม่นยำ

จุดด้อยของ Make:

1. ไม่ใช่ Open Source

  • ไม่สามารถ customize code ภายในได้
  • ต้องพึ่งพาการอัปเดตจาก Make เท่านั้น
  • ข้อมูลอยู่บน Cloud ของ Make

2. ต้นทุนสูงขึ้นเมื่อ Scale มาก

  • ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นตามจำนวน operations
  • สำหรับธุรกิจขนาดใหญ่อาจแพงกว่าทางเลือกอื่น
  • ไม่มีแผน Unlimited operations

3. Learning Curve สำหรับ Workflow ซับซ้อน

  • การสร้าง workflow ที่มีหลายขั้นตอนต้องใช้เวลาเรียนรู้
  • การ debug เมื่อมีปัญหาอาจใช้เวลานาน

เหมาะกับใคร:

  • SME ที่อยากเริ่มต้น Automation ได้เร็วโดยไม่ต้องจ้าง Developer
  • ธุรกิจที่ต้องเชื่อมต่อหลายแพลตฟอร์ม พร้อมกัน
  • ทีมงานที่มีคนไม่เก่ง coding แต่อยากสร้าง workflow ซับซ้อน


n8n (Open Source Automation)

n8n เป็นเครื่องมือ Workflow Automation แบบ Open Source ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มนักพัฒนาและองค์กรที่ให้ความสำคัญกับการควบคุมข้อมูลและความปลอดภัย

จุดเด่นของ n8n:

1. Open Source และ Self-hosted ได้

  • Source Code เปิด: สามารถ modify และ customize ได้ตามต้องการ
  • Self-hosted Option: ติดตั้งบนเซิร์ฟเวอร์ของตัวเองได้
  • Data Privacy: ข้อมูลอยู่ใน control ของเราเต็มที่
  • No Vendor Lock-in: ไม่ต้องผูกติดกับผู้ให้บริการรายใดรายหนึ่ง

2. Customization สูงที่สุด

  • Custom Nodes: สร้างโหนดทำงานเองได้
  • Code Integration: ใส่ JavaScript code เข้าไปใน workflow ได้
  • API Flexibility: เชื่อมต่อกับ API อะไรก็ได้ที่มีอยู่
  • Advanced Logic: สร้างเงื่อนไขที่ซับซ้อนมากได้

3. Community และ Ecosystem ที่แข็งแกร่ง

  • Active Community: มีนักพัฒนาช่วยกันพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
  • Custom Node Library: มี custom nodes จาก community เยอะมาก
  • Documentation: มีเอกสารและตัวอย่างครบถ้วน
  • Regular Updates: อัปเดตฟีเจอร์ใหม่สม่ำเสมอ

4. Cost-effective สำหรับการใช้งานมาก

  • Free Self-hosted: ใช้ฟรี 100% หากติดตั้งเอง
  • Cloud Starter: €20/เดือน สำหรับ workflow พื้นฐาน
  • Cloud Pro: €50/เดือน สำหรับทีมงาน
  • ไม่จำกัด Operations: ไม่ต้องห่วงเรื่องค่าใช้จ่ายตาม usage

จุดด้อยของ n8n:

1. ต้องมีทีม Developer ดูแล

  • Technical Complexity: ต้องมีความรู้ด้าน IT ในการติดตั้งและดูแล
  • Server Management: ต้องจัดการเซิร์ฟเวอร์, backup, และ security เอง
  • Troubleshooting: แก้ไขปัญหาต้องอาศัยความรู้ technical

2. Learning Curve สูงสำหรับมือใหม่

  • Interface ซับซ้อน: UI ไม่ user-friendly เท่ากับเครื่องมือเชิงพาณิชย์
  • Setup Time: ใช้เวลานานในการติดตั้งและ configure
  • Training Required: ทีมงานต้องใช้เวลาเรียนรู้

3. Support และ SLA จำกัด

  • Community Support: พึ่งพา community เป็นหลัก
  • No Official SLA: ไม่มีการรับประกันระดับบริการ
  • Limited Ready-made Templates: เทมเพลตสำเร็จรูปน้อยกว่าคู่แข่ง

เหมาะกับใคร:

  • Startup และ Tech Companies ที่มีทีม Developer
  • องค์กรที่ให้ความสำคัญกับ Data Security สูง
  • ธุรกิจที่ต้องการ Custom Automation ที่ซับซ้อนมาก
  • บริษัทที่ต้องการควบคุมต้นทุน ในระยะยาว


Zapier

Zapier เป็นเครื่องมือ Automation ที่เก่าแก่ที่สุดและมี Integration มากที่สุดในตลาด เป็นตัวเลือกอันดับ 1 สำหรับผู้ที่ต้องการความง่ายในการใช้งานและต้องการเริ่มต้นได้ทันที

จุดเด่นของ Zapier:

1. ใช้งานง่ายที่สุด

  • Simple Interface: UI ที่เรียบง่ายและเข้าใจได้ทันที
  • Step-by-step Wizard: มี wizard ช่วยสร้าง automation ทีละขั้น
  • Pre-built Templates: เทมเพลตสำเร็จรูปมากกว่า 100,000 แบบ
  • No-code Approach: ไม่ต้องเขียน code เลย

2. Integrations เยอะที่สุดในตลาด

  • 7,000+ Apps: เชื่อมต่อได้มากที่สุดเมื่อเทียบกับคู่แข่ง
  • Popular Thai Apps: รองรับแอพไทยได้ดี เช่น Line, SCB Easy, Kbank
  • Instant Integration: มีการอัปเดต integration ใหม่อย่างต่อเนื่อง
  • Enterprise Apps: รองรับระบบองค์กรใหญ่ครบถ้วน

3. Community และ Learning Resources ใหญ่

  • Zapier University: มีคอร์สเรียนฟรีครบถ้วน
  • Community Forum: community ใหญ่ที่สุดช่วยแก้ปัญหา
  • Blog และ Case Studies: เนื้อหาการเรียนรู้เยอะมาก
  • Expert Marketplace: หาผู้เชี่ยวชาญช่วยสร้าง automation ได้

4. Reliability และ Support ดีเยี่ยม

  • 99.9% Uptime: เสถียรภาพสูงมาก
  • 24/7 Support: มีทีมช่วยเหลือตลอดเวลา
  • Enterprise Features: มีฟีเจอร์สำหรับองค์กรใหญ่
  • Security Standards: มาตรฐานความปลอดภัยสูง

จุดด้อยของ Zapier:

1. ราคาสูงที่สุดในกลุ่ม

  • Free Plan: จำกัดแค่ 100 tasks/เดือน
  • Starter Plan: $19.99/เดือน สำหรับ 750 tasks
  • Professional Plan: $49/เดือน สำหรับ 2,000 tasks
  • Team Plan: $69/เดือน สำหรับ 50,000 tasks

2. จำกัด Workflow ที่ซับซ้อน

  • Linear Workflow: ทำงานแบบเส้นตรง A→B→C เท่านั้น
  • Limited Branching: สร้าง workflow ที่แยกสาขาได้จำกัด
  • Basic Logic: เงื่อนไขที่ใช้ได้ค่อนข้างพื้นฐาน
  • No Visual Editor: ไม่มี drag-and-drop interface

3. ข้อจำกัดด้านการ Customize

  • Black Box: ไม่สามารถแก้ไข logic ภายในได้
  • API Limitations: บาง API ใช้งานได้แค่ฟีเจอร์พื้นฐาน
  • Data Transformation: ความสามารถในการแปลงข้อมูลจำกัด

เหมาะกับใคร:

  • Freelancers และ Solo Entrepreneurs ที่ต้องการใช้เร็ว
  • SME ที่ไม่มีทีม IT แต่อยากได้ automation
  • ธุรกิจที่ใช้แอพยอดนิยม เป็นหลัก
  • คนที่อยากเริ่มต้น Automation โดยไม่ต้องเรียนรู้มาก




สำหรับใครที่ต้องการยกระดับศักยภาพทีม และแบรนด์ของคุณไปอีกขั้น! 

ที่ STEPS Academy เรามีทั้ง Corporate Training & In-house Programs เพื่ออบรมทีมดิจิทัล, พร้อม Agentic-AI Solutions ที่จะช่วยให้คุณทำการตลาดได้สะดวก และรวดเร็วกว่าเดิม 

สามารถติดต่อขอรับคำปรึกษาฟรี และค้นหาหลักสูตร/โซลูชันที่เหมาะที่สุดกับธุรกิจของคุณ กับทางทีมงาน STEPS Academy ได้เลย! หรือ สามารถแอดไลน์มาได้ที่ Line OA : @stepstraining



ตารางเปรียบเทียบ Make vs n8n vs Zapier


การประเมินตามความต้องการเฉพาะ

สำหรับ SME ที่อยากได้ Automation ใช้ง่าย ราคายืดหยุ่น > Make เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

  • ราคาเริ่มต้นไม่แพงมาก
  • UI ใช้งานง่ายกว่า n8n
  • มี integration ครอบคลุมกว่า n8n
  • ไม่ต้องจัดการเซิร์ฟเวอร์เอง

สำหรับ Startup/องค์กร ที่อยาก Self-host และ Customize > n8n เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

  • ต้นทุนต่ำสุดในระยะยาว (ฟรีหาก self-host)
  • ความยืดหยุ่นสูงสุดในการ customize
  • ความปลอดภัยข้อมูลสูงสุด
  • เหมาะกับทีมที่มี developer

สำหรับ Freelancers/SME ที่อยากใช้เร็วๆ ไม่ต้อง Dev > Zapier เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

  • เริ่มใช้ได้ทันทีใน 30 นาที
  • Integration มากที่สุด
  • Support ดีที่สุด
  • เหมาะกับคนที่ไม่อยากยุ่งกับเทคนิค

ธุรกิจแบบไหนควรเลือกเครื่องมือไหน?

ถ้าเน้น ความง่าย + เริ่มเร็ว → เลือก Zapier

เหมาะกับธุรกิจประเภท:

  • E-commerce รายย่อย: ร้านขายของออนไลน์ที่ต้องการเชื่อมต่อ Shopee, Lazada กับ Google Sheets
  • Freelancers: นักเขียน, นักออกแบบ ที่ต้องการ automate งานเอกสารและการติดตาม clients
  • Service Providers: สำนักงานบัญชี, ทนายความ ที่ต้องการจัดการลูกค้าและเอกสาร
  • Consultants: ที่ต้องการ automation พื้นฐานสำหรับ CRM และ reporting

กรณีการใช้งานที่เหมาะสม:

  • เชื่อมต่อ Gmail กับ Google Calendar เพื่อสร้างนัดหมายอัตโนมัติ
  • ส่งข้อมูลจาก Contact Form เข้า CRM อัตโนมัติ
  • สร้างรายงานยอดขายจาก Shopee/Lazada เข้า Google Sheets
  • แจ้งเตือนผ่าน Line เมื่อมีออเดอร์ใหม่

ข้อควรพิจารณา:

  • งบประมาณควรมีอย่างน้อย $20/เดือน สำหรับการใช้งานจริง
  • เหมาะกับ workflow ที่ไม่ซับซ้อนมาก
  • ดีสำหรับการเริ่มต้นเรียนรู้ automation


ถ้าเน้น คุ้มค่า + มี Dev บ้าง → เลือก Make

เหมาะกับธุรกิจประเภท:

  • SME ที่กำลังเติบโต: บริษัทขนาดกลางที่มี operations ซับซ้อนขึ้น
  • Digital Marketing Agencies: ที่ต้องจัดการหลาย clients และหลายแพลตฟอร์ม
  • SaaS Startups: ที่ต้องการเชื่อมต่อระบบต่างๆ แต่ยังไม่พร้อมสำหรับ custom development
  • Manufacturing SMEs: โรงงานขนาดกลางที่ต้องการ automate inventory และ production planning

กรณีการใช้งานที่เหมาะสม:

  • สร้าง workflow ซับซ้อนที่มี conditional logic หลายขั้น
  • เชื่อมต่อระหว่าง CRM, Email Marketing, และ Social Media หลายช่องทาง
  • จัดการ inventory โดยเชื่อมต่อ POS, warehouse system, และ accounting software
  • สร้างรายงานที่ต้อง aggregate ข้อมูลจากหลายแหล่ง

ข้อควรพิจารณา:

  • ควรมีคนในทีมที่เข้าใจ logic และ data mapping
  • เหมาะกับธุรกิจที่มี operations 10,000+ transactions/เดือน
  • ต้องการเวลา 1-2 สัปดาห์ในการเรียนรู้และ setup


ถ้าเน้น Customize + Security → เลือก n8n

เหมาะกับธุรกิจประเภท:

  • Tech Startups: บริษัทเทคโนโลยีที่มีทีม developer และต้องการควบคุมทุกอย่าง
  • Financial Services: บริษัทที่จัดการข้อมูลการเงิน ต้องการความปลอดภัยสูง
  • Healthcare Organizations: สถานพยาบาล, คลินิก ที่ต้องปกป้องข้อมูลผู้ป่วย
  • Government Agencies: หน่วยงานราชการที่ไม่สามารถใช้ cloud service ภายนอกได้

กรณีการใช้งานที่เหมาะสม:

  • สร้าง custom API integrations ที่ซับซ้อน
  • จัดการข้อมูลที่ sensitive โดยไม่ส่งออกนอก organization
  • Automate complex business logic ที่ต้องเขียน custom code
  • รวมระบบ legacy ที่ไม่มี standard API

ข้อควรพิจารณา:

  • ต้องมีทีม Developer ที่เข้าใจ JavaScript และ system administration
  • ต้องจัดการ infrastructure เอง (server, backup, security)
  • ใช้เวลาในการ setup นานกว่าเครื่องมืออื่น (2-4 สัปดาห์)
  • เหมาะกับองค์กรที่มีงบประมาณ IT และต้องการประหยัดต้นทุนระยะยาว

บทสรุป: แล้วคุณควรเลือกเครื่องมือไหน?

การเลือกเครื่องมือ Automation ไม่มีคำตอบที่ตายตัว “ดีที่สุด” สำหรับทุกธุรกิจ เพราะขึ้นอยู่กับ เป้าหมาย งบประมาณ ทรัพยากรบุคคล และระดับความซับซ้อนของงาน ที่องค์กรของคุณต้องการ ดังนั้นควรถามตัวเองก่อนว่า:

  • คุณต้องการเริ่มเร็วและไม่อยากยุ่งกับเทคนิค? → Zapier คือคำตอบ
  • คุณต้องการความคุ้มค่าในราคากลางและฟีเจอร์ครบครัน? → Make คือทางเลือกที่ลงตัว
  • คุณต้องการควบคุม ปรับแต่ง และเน้นความปลอดภัยขั้นสูง? → n8n คือเครื่องมือที่เหมาะที่สุด

สุดท้ายแล้ว เครื่องมือ Automation ไม่ใช่แค่ “เทคโนโลยี” แต่คือ “ตัวเร่งการเติบโต” ที่ช่วยให้ธุรกิจของคุณทำงานได้อย่างชาญฉลาดและแข่งขันได้ในยุคที่ความเร็วคือทุกสิ่ง

อย่ารอให้คู่แข่งแซงหน้า – เริ่มต้นทดลองใช้ Automation วันนี้ แล้วคุณจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนภายในไม่กี่สัปดาห์



สำหรับใครที่ต้องการยกระดับศักยภาพทีม และแบรนด์ของคุณไปอีกขั้น! 

ที่ STEPS Academy เรามีทั้ง Corporate Training & In-house Programs เพื่ออบรมทีมดิจิทัล, พร้อม Agentic-AI Solutions ที่จะช่วยให้คุณทำการตลาดได้สะดวก และรวดเร็วกว่าเดิม 

สามารถติดต่อขอรับคำปรึกษาฟรี และค้นหาหลักสูตร/โซลูชันที่เหมาะที่สุดกับธุรกิจของคุณ กับทางทีมงาน STEPS Academy ได้เลย! หรือ สามารถแอดไลน์มาได้ที่ Line OA : @stepstraining