แนวทางออกแบบหลักสูตร AI Automation สำหรับองค์กร: จากพื้นฐานสู่การใช้งานจริง

29/10/2025
29/10/2025
29/Oct/2025 12:00 PM

แนวทางออกแบบหลักสูตร AI Automation สำหรับองค์กร: จากพื้นฐานสู่การใช้งานจริง

แนวทางออกแบบหลักสูตร AI Automation สำหรับองค์กร: จากพื้นฐานสู่การใช้งานจริง

แนวทางออกแบบหลักสูตร AI Automation สำหรับองค์กร: จากพื้นฐานสู่การใช้งานจริง

ในยุคที่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และระบบอัตโนมัติ (Automation) กำลังเปลี่ยนวิธีการทำงานอย่างรวดเร็ว หนึ่งในบทบาทที่สำคัญที่สุดของ HR ยุคใหม่ คือการช่วยให้ทีมงานปรับตัวและเติบโตไปพร้อมกับเครื่องมือเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การ ออกแบบหลักสูตรอบรม AI Automation ที่ประสบความสำเร็จจึงต้องไม่ใช่แค่ "ให้พนักงานรู้จักเครื่องมือ" แต่ต้องเน้น "ให้พนักงาน พัฒนา Digital Skill และใช้งานได้จริงกับบริบทขององค์กร"

บทความนี้จะนำเสนอแนวทาง 5 ขั้นตอนที่ HR สามารถใช้เป็นพิมพ์เขียวในการสร้าง หลักสูตรอบรม AI Automation สำหรับองค์กร ที่วัดผลได้และส่งผลต่อ KPI ของธุรกิจอย่างแท้จริง


1. ทำไม HR ต้องลงทุนกับการอบรม AI Automation ให้พนักงาน?

การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของเทคโนโลยีส่งผลกระทบต่อ Productivity และ Workload ของพนักงานโดยตรง HR จึงเป็นด่านหน้าในการลดช่องว่างทางทักษะ (Skill Gap)

1.1 ประโยชน์เชิงกลยุทธ์ที่ HR ต้องตระหนัก:

  • เพิ่ม Productivity และลด Workload: การใช้งานเครื่องมือ Workflow Automation (เช่น Zapier, Make.com) หรือ AI Tools (เช่น ChatGPT, Google Gemini) สามารถช่วย ลดเวลาทำงานซ้ำซ้อน ในแทบทุกแผนก เช่น การจัดการอีเมล, การสรุปรายงาน, หรือการป้อนข้อมูล
  • สร้าง Digital Mindset: การอบรมเป็นการปลูกฝังความคิดที่พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงและมองหาโอกาสในการใช้เทคโนโลยีเพื่อแก้ปัญหา ซึ่งเป็นทักษะสำคัญสำหรับพนักงานในศตวรรษที่ 21
  • รักษาความสามารถในการแข่งขันขององค์กร: หากองค์กรไม่เสริมทักษะให้ทีมงาน องค์กรจะเสียโอกาสในการใช้ AI เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และต้องเผชิญกับคู่แข่งที่นำหน้าไปแล้ว

TIP สำหรับ HR: การสื่อสารเป้าหมายของการอบรมให้ชัดเจนเป็นสิ่งสำคัญ เช่น "คอร์สนี้จะช่วยลด work overload ของคุณลง 20% เพื่อให้คุณมีเวลาไปโฟกัสงานที่สร้างสรรค์มากขึ้น" ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการมีส่วนร่วมของพนักงาน


2. ประเมินความพร้อมและจัดกลุ่มผู้เรียน (Skill Mapping)

ก่อนการ ออกแบบคอร์สอบรม AI Automation ที่มีประสิทธิภาพ HR ต้องเข้าใจระดับทักษะปัจจุบันของพนักงานในองค์กร โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเข้าใจพื้นฐานด้านข้อมูลและเทคโนโลยี

2.1 การแบ่งกลุ่มผู้เรียนเพื่อการออกแบบหลักสูตรที่เหมาะสม:


กลุ่มผู้เรียน

พื้นฐานและลักษณะเฉพาะ

เป้าหมายหลักของการอบรม

Beginner
ผู้ไม่มีพื้นฐาน AI หรือ Automation
เลย, อาจกังวลต่อเทคโนโลยี
สร้างความเข้าใจพื้นฐาน (Conceptual Understanding) และลดความกลัว
Intermediate
ผู้ที่เคยใช้เครื่องมือ AI ทั่วไปบ้างแล้ว
แต่ไม่เป็นระบบ
เน้นการเชื่อมโยงเครื่องมือและการ ออกแบบ Workflow Automation ง่าย ๆ
Advanced
ผู้ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้งานเฉพาะทางได้
(เช่น Data Analyst, IT)
เน้นการปรับแต่ง (Customization)
และการขยายสเกล (Scaling) ระบบ


เครื่องมือประเมินที่แนะนำ: ใช้แบบสอบถาม Digital Literacy ผสมกับการทดสอบความเข้าใจพื้นฐานด้านข้อมูลและการตั้งค่าตรรกะแบบง่าย ๆ (Basic Logic) เพื่อให้ HR สามารถเลือกโมดูลที่ตรงกับความต้องการของแต่ละกลุ่มได้อย่างแม่นยำ


3. โครงสร้างหลักสูตรที่เน้นการปฏิบัติ (Modular & Practical Structure)

หลักสูตรอบรม AI Automation ที่ดีต้องถูกออกแบบให้มีลักษณะเป็น Modular (แบ่งเป็นส่วนย่อย) และเน้น Hands-on (ลงมือปฏิบัติจริง) เพื่อให้ผู้เรียนเปลี่ยนความรู้เชิงทฤษฎีไปสู่ Digital Skill ที่ใช้งานได้จริง

3.1 โมดูลหลักสูตรที่แนะนำสำหรับองค์กร:


Module
หัวข้อหลักในการอบรม
รูปแบบการเรียนรู้ที่เน้น
1: Foundation
AI Automation คืออะไร และเปลี่ยนงานอย่างไร?
Lecture & Workshop (สร้าง Mindset)
2: Immediate Tools
เครื่องมือ AI ที่ใช้ได้ทันที
(ChatGPT, Notion AI, Copilot)
Demo & Hands-on (เรียนรู้การใช้ Prompting)
3: Workflow Design
ออกแบบ Workflow Automation ง่าย ๆ
(Zapier, Make.com)
Case-based Learning
(เชื่อมต่อ 2-3 แอปพลิเคชันเข้าด้วยกัน)
4: Organizational Use
นำ AI ไปใช้ในงานประจำ (HR, Sales, Finance, Operation)
Group Activity & Peer Learning
(แบ่งกลุ่มตามแผนก)
5: Project Pitch
สรุปและนำเสนอ โปรเจกต์ AI Automation
จริงของแต่ละแผนก
Project Pitch & Feedback
(นำเสนอโซลูชันเพื่อแก้ปัญหาจริง)


การเน้น Module 3-5 ด้วยโจทย์ที่มาจาก สถานการณ์จริงขององค์กร จะเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้พนักงานมองเห็นความเชื่อมโยงกับ KPI และสามารถนำความรู้ไปใช้ได้ทันทีหลังจบคอร์ส


4. วิธีการเรียนการสอนเพื่อสร้างทักษะที่ยั่งยืน

การบรรยายเพียงอย่างเดียวไม่สามารถ พัฒนา Digital Skill ได้ การเรียนรู้ต้องเปลี่ยนจาก Passive เป็น Active Learning

  • Learning by Doing คือหัวใจ: โจทย์ที่ใช้ใน Workshop ต้องเป็น ปัญหาจริง ที่พนักงานกำลังเผชิญ เช่น "ออกแบบระบบอัตโนมัติในการแจ้งเตือนการต่อสัญญาจ้างงาน" หรือ "สร้าง Chatbot ที่สรุปข้อมูลผลิตภัณฑ์ใหม่ได้"
  • Coaching รายแผนก (Post-Training): HR ควรวางแผนเพิ่มช่วง Coaching หรือ Mentoring รายแผนกหลังจบหลักสูตร เพื่อช่วยให้พนักงานสามารถปรับใช้เครื่องมือ AI ให้เข้ากับระบบหรือ Workflow ที่มีความซับซ้อนในงานจริง นี่คือบริการที่ ที่ปรึกษา AI Automation สามารถเข้ามาช่วยเสริมได้
  • จัดทำ Work Instruction/Template: สนับสนุนให้พนักงานที่เก่งในแต่ละแผนกช่วยกันสร้าง Automation Template และ Work Instruction ที่เป็นประโยชน์กับทีมอื่น ๆ เพื่อให้ความรู้ขยายผลในวงกว้าง


5. วิธีวัดผลการอบรม (Training KPI) ที่เชื่อมโยงกับธุรกิจ

HR ไม่สามารถวัดความสำเร็จของ หลักสูตรอบรม AI Automation ได้เพียงแค่จำนวนผู้เข้าร่วมหรือผลคะแนน Post-Test แต่ต้องวัดผลกระทบที่ส่งผลต่อ KPI ของธุรกิจจริง

5.1 ตัวชี้วัดสำคัญที่ HR ควรใช้:

  • Efficiency Metrics (ผลลัพธ์โดยตรง):
    • เวลาในการทำงานที่ลดลง (Time Saved): ตัวอย่าง: ลดเวลาที่ใช้ในการคัดกรองเรซูเม่ลง 50%
    • จำนวน Workflow ที่ถูกนำไปใช้จริง: นับจำนวน Workflow Automation ที่พนักงานออกแบบและใช้งานจริงในแต่ละแผนกหลังจบหลักสูตร
    • ลด Cost of Error: ลดจำนวนความผิดพลาดที่เกิดจากการทำงานซ้ำซ้อนด้วยมือ
  • Skill Adoption Metrics (การยอมรับทักษะ):
    • Pre/Post Test Score: วัดความเข้าใจพื้นฐานก่อนและหลังอบรม
    • ความพึงพอใจต่อการใช้งานเครื่องมือใหม่: ประเมินว่าพนักงานรู้สึกว่าเครื่องมือ AI ช่วยให้งานง่ายขึ้นจริงหรือไม่
    • อัตราการใช้งานเครื่องมือ (Adoption Rate): เปรียบเทียบจำนวนพนักงานที่ใช้ AI Tools อย่างสม่ำเสมอก่อนและหลังอบรม


หากองค์กรของคุณต้องการออกแบบหลักสูตรเกี่ยวกับ AI Automation รวมถึงต้องการวางระบบ AI สำหรับธุรกิจ เพื่อสร้าง ระบบอัตโนมัติในองค์กร อย่างมืออาชีพ ติดต่อเราเพื่อรับคำปรึกษาฟรีกับทางทีมงาน STEPS Academy ได้เลย! หรือ สามารถแอดไลน์มาได้ที่ Line OA : @stepstraining